เมียนมาเล็งเปิดนิคมอุตสาหกรรมเมียวดี ซึ่งปัจจุบันกำลังอยู่ในระหว่างการก่อสร้างในพื้นที่รัฐกะเหรี่ยง ประเทศเมียนมา ในปีงบประมาณ 2559-2560 โดยระบุมีผู้ลงทุนสนใจจำนวนมาก ส่วนใหญ่เป็นอุตสาหกรรมเครื่องนุ่งห่มและสินค้าอุปโภคบริโภค มั่นใจมีไฟฟ้าใช้ตลอด 24 ชั่วโมงเนื่องจากจะซื้อกระแสไฟฟ้าจากประเทศไทยไปใช้

สื่อท้องถิ่นของเมียนมาระบุว่า นายอู ซอ จี ลิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมรัฐกะเหรี่ยง เปิดเผยถึงความคืบหน้าของโครงการว่า รัฐบาลท้องถิ่นไม่ได้กำหนดกรอบของโครงการเอาไว้ แต่มีความเป็นไปได้มากว่า การก่อสร้างจะแล้วเสร็จและพร้อมเปิดนิคมในปีงบประมาณ 2559-2560 นิคมดังกล่าวตั้งอยู่บนพื้นที่ 201 เอเคอร์ หรือมากกว่า 500ไร่ ระหว่างเมืองเมียวดีและเมืองติงัน ญี นอง ซึ่งห่างจากชายแดนไทย-เมียนมาเพียง 11 กิโลเมตร

เส้นทางกรุงเทพฯ-ย่างกุ้ง
เส้นทางกรุงเทพฯ-ย่างกุ้ง

เริ่มแรกนั้นรัฐบาลท้องถิ่นได้มอบสัญญาสัมปทานให้บริษัท ญี นอง อู เป็นผู้เช่าที่ดิน เพื่อสร้างนิคมในปี 2556 วัตถุประสงค์เพื่อรองรับอุตสาหกรรมในท้องถิ่น แต่ต่อมามีการจัดประเภทโครงการใหม่และนิคมอุตสาหกรรมเมียวดีถูกจัดประเภทเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของคณะกรรมการการลงทุนแห่งเมียนมา หรือ MIC (Myanmar Investment Commission) เนื่องจากมีพื้นที่โครงการใกล้ชายแดนไทย

ภายใต้กฎหมายการลงทุนต่างชาติปี 2555 กำหนดไว้ว่า ห้ามมีการลงทุนของต่างชาติภายในระยะ 10 ไมล์ (ประมาณ กิโลเมตร) จากชายแดนเมียนมากับประเทศเพื่อนบ้าน นอกเสียจากว่า การลงทุนนั้นจะอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมที่ได้รับการอนุมัติจาก MIC แล้ว ตั้งแต่นั้นมา นิคมอุตสาหกรรมเมียวดีจึงได้รับความสนใจเข้ามาลงทุนจากบริษัทต่างชาติเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะบริษัทจากประเทศไทย โดยเข้ามาจับมือเป็นหุ้นส่วนกับบริษัทท้องถิ่นในเขตเมียวดี

นายอู จอ ทิน ผู้อำนวยการโครงการ บริษัท ญี นอง อู เปิดเผยว่า ขณะนี้การก่อสร้างสาธารณูปโภคพื้นฐานในโครงการเสร็จสิ้นไปแล้วกว่า 90% ที่ดิน 450 แปลงมีการทำรังวัดและปักเขตแล้ว ส่วนผู้ลงทุนที่สนใจขณะนี้มีจำนวนอย่างน้อย 15 รายยื่นเอกสารขอจัดตั้งโรงงานเข้ามาแล้ว โดยส่วนใหญ่เป็นผู้ลงทุนในอุตสาหกรรมเครื่องนุ่งห่มและสินค้าอุปโภคบริโภค นอกจากนั้นยังมีผู้ลงทุนในอุตสาหกรรมรองเท้า ชิ้นส่วนและอะไหล่รถยนต์ รวมทั้งแผ่นเหล็กชุบเคลือบสังกะสี

นิคมอุตสาหกรรมเมียวดี เป็น 1 ใน 3 ของนิคมอุตสาหกรรมที่กำลังเกิดขึ้นในรัฐกะเหรี่ยง อีก 2 แห่ง ได้แก่ นิคมอุตสาหกรรมพะยาโตนซู และนิคมอุตสาหกรรมพะอัน เมียวดีเป็นเมืองที่ติดชายแดนไทยในเขตอำเภอแม่สอด จังหวัดตาก และเป็นจุดที่มีการค้าชายแดนคึกคักเป็นอันดับสองของเมียนมา รองจากเมืองมูเซในรัฐฉานซึ่งอยู่ติดชายแดนประเทศจีน

สื่อเมียนมาระบุว่า ความล่าช้าของโครงการนั้น ส่วนหนึ่งเนื่องมาจากการขาดแคลนกระแสไฟฟ้าและความไม่สงบในพื้นที่ อย่างไรก็ตาม รัฐมนตรีอุตสาหกรรมของรัฐกะเหรี่ยงยืนยันว่า สาธารณูปโภคพื้นฐานของนิคมอุตสาหกรรมเมียวดีจะไม่มีปัญหาเพราะได้ใช้กระแสไฟฟ้าจากประเทศไทยตลอด 24 ชั่วโมง “กระแสไฟฟ้าจากประเทศไทยนั้นสเถียรกว่าในเมียนมา ฉะนั้นจึงมั่นใจได้ว่า นิคมจะมีไฟฟ้าใช้ตลอด 24 ชั่วโมง” นายอู ซอ จี ลิน กล่าว

นายอู จอ ทิน ผู้อำนวยการโครงการ จากบริษัท ญี นอง อู ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า บริษัทได้ยื่นขอการอนุมัติจาก MIC เพื่อซื้อกระแสไฟฟ้าจากประเทศไทยมาใช้ในโครงการ และขณะเดียวกันได้เจรจากับบริษัท อีโนวา พาวเวอร์ จากประเทศไทย เป็นผู้จัดหากระแสไฟฟ้าป้อนให้แก่โครงการแล้ว

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,133 วันที่ 21 – 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559